วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557
อุปกรณืพื้นฐานคอมพิวเตอร์
1.โปรเซสเซอร์ (Processor )
หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือ CPU (ซีพียู) หรือ โปรเซสเซอร์ (Processor)
เป็นองค์ประกอบ
ที่สำคัญส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภทในโลก เปรียบเสมือนกับเป็นมันสมองให้กับ
คอมพิวเตอร์นั่นเอง
ประกอบไปด้วยวงจรทางไฟฟ้ามากมาย ที่อยู่บนแผ่นซิลิกอนซิป ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ๆ
เป็นองค์ประกอบ
ที่สำคัญส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภทในโลก เปรียบเสมือนกับเป็นมันสมองให้กับ
คอมพิวเตอร์นั่นเอง
ประกอบไปด้วยวงจรทางไฟฟ้ามากมาย ที่อยู่บนแผ่นซิลิกอนซิป ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ๆ
Processor อยู่ส่วนไหนของคอมพิวเตอร์
มีแผงวงจรที่เต็มไปด้วยลายวงจร เรียกว่า เมนบอร์ด CPU จะวางอยู่บนเมนบอร์ด ตรงที่มีพัดลม
และแผ่นโลหะระบายความร้อน
เรียกว่า ฮีตซิงค์ (Heatsink) วางทับอยู่ ส่วนนั้นคือ CPU ภายในจะบรรจุด้วยวงจรทรานซิสเตอร์
ซึ่งมีขนาดเล็กเป็นล้านตัว
ภายใต้ตัว CPU จะมีเหล็กแหลม ๆ คล้ายกับเข็มเป็นจำนวนมากส่วนนี้เรียกว่า ขาของ CPU
ส่งสัญญาณเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
และแผ่นโลหะระบายความร้อน
เรียกว่า ฮีตซิงค์ (Heatsink) วางทับอยู่ ส่วนนั้นคือ CPU ภายในจะบรรจุด้วยวงจรทรานซิสเตอร์
ซึ่งมีขนาดเล็กเป็นล้านตัว
ภายใต้ตัว CPU จะมีเหล็กแหลม ๆ คล้ายกับเข็มเป็นจำนวนมากส่วนนี้เรียกว่า ขาของ CPU
ส่งสัญญาณเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
2.RAM
(แรม) ย่อมาจาก Random Access Memory
RAM คือหน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ มีความสำคัญมากต่อประสิทธิภาพการทำงานและ
ความเร็วในการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลและชุดคำสั่งของโปรแกรมต่างๆ
เพื่อส่งไปให้ CPU (Central Processing Unit) ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ให้ประมวล
ผลข้อมูลตามต้องการ ก่อนจะแสดงผลการประมวลที่ได้ออกมาทางหน้าจอแสดงผล (Monitor) นั่นเอง
ความเร็วในการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลและชุดคำสั่งของโปรแกรมต่างๆ
เพื่อส่งไปให้ CPU (Central Processing Unit) ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ให้ประมวล
ผลข้อมูลตามต้องการ ก่อนจะแสดงผลการประมวลที่ได้ออกมาทางหน้าจอแสดงผล (Monitor) นั่นเอง
RAM จะทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ ทั้งในแบบของ
Input และ Output โดยการเข้าถึงข้อมูลของ RAM นั้น จะเป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หรือ
Random Access ซึ่งหมายถึงโปรเซสเซอร์สามารถเข้าถึงทุกๆส่วนของหน่วยความจำหรือพื้น
ที่เก็บข้อมูลได้โดยตรง เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและการรับ-ส่งข้อมูล
Input และ Output โดยการเข้าถึงข้อมูลของ RAM นั้น จะเป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หรือ
Random Access ซึ่งหมายถึงโปรเซสเซอร์สามารถเข้าถึงทุกๆส่วนของหน่วยความจำหรือพื้น
ที่เก็บข้อมูลได้โดยตรง เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและการรับ-ส่งข้อมูล
3.เมนบอร์ด (Mainboard)
คือ ศุนย์กลางของการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีชิปเซตที่ำทำหน้าที่รับ/ส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ
อีกขั้นหนึ่ง เมนบร์ด (Mainboard)นิยมใช้มาตรฐานการออกแบบ ATX (Advance Technology Extension)
ปรับปรุงจากระบบเก่าที่เป็นแบบ Body AT โดยแบบใหม่จะมีการปรับปรุงบริเวณ ซีพียู(CPU)โดยจะย้ายไปไกลพัดลมของ
แหล่งจ่ายไฟ(Power Supply) ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น
และล่าสุดนี้มีการพัฒนาแบบ BTX (Balance Technology Extension) ได้นำพัดลมมาไว้ด้านหน้าเึคสเพื่อนำลมเย็นเข้า
ไปภายในระบบและนำซีพียู(CPU)มาไว้ด้านหน้าเครื่องเพื่อรับสมเย็นโดยตรง ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใ้ช้พัดลมที่มี
ความเร็วรอบสูงและเสียงดัง ปัจจุบันเมนบอร์แบบ BTX ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เกือบทั้งหมดไม่
ว่าจะเป็น เคส ฮัตซิงค์ เป็นต้น
อีกขั้นหนึ่ง เมนบร์ด (Mainboard)นิยมใช้มาตรฐานการออกแบบ ATX (Advance Technology Extension)
ปรับปรุงจากระบบเก่าที่เป็นแบบ Body AT โดยแบบใหม่จะมีการปรับปรุงบริเวณ ซีพียู(CPU)โดยจะย้ายไปไกลพัดลมของ
แหล่งจ่ายไฟ(Power Supply) ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น
และล่าสุดนี้มีการพัฒนาแบบ BTX (Balance Technology Extension) ได้นำพัดลมมาไว้ด้านหน้าเึคสเพื่อนำลมเย็นเข้า
ไปภายในระบบและนำซีพียู(CPU)มาไว้ด้านหน้าเครื่องเพื่อรับสมเย็นโดยตรง ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใ้ช้พัดลมที่มี
ความเร็วรอบสูงและเสียงดัง ปัจจุบันเมนบอร์แบบ BTX ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เกือบทั้งหมดไม่
ว่าจะเป็น เคส ฮัตซิงค์ เป็นต้น
ปะเภทของระบบสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ
1.ระบบสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม
GDSS คือ ทำหน้าที่ในการช่วยการตัดสินใจแบบที่ไม่มีโครงสร้างของกลุ่มที่มีสมาชิกที่ต้องทำการตัดสินใจร่วมกัน
ส่วนของกรุ๊ปแวร์ นั้นจะอยู่ในเรื่องของระบบสำนักงานอัตโนมัติ(OAS)
กลุ่มงานและการทำงานของกลุ่ม
หมายถึง คนมากกว่า
2 คน เพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่าง
หนึ่ง เช่น ทำงานอยู่คนละประเทศที่มีเวลาที่ต่างกัน
การทำงานของกลุ่มมี 3 แบบ
1. วิธีทั่วไป ได้แก่
การทำงานของกลุ่มต่าง ๆ คือ มีการประชุมปรึกษากันและร่วมกันตัดสินใจ
2. วิธีแบบ Nominal Group Technique หรือ
NGT เป็นการติดต่อสื่อสารภายในกลุ่ม
3. วิธีแบบ Dephi เป็นการใช้ความสามารถของกลุ่มที่ผู้เชี่ยวชาญ
ระบบช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่ม
คือ
ระบบสารสนเทศที่ช่วยเสริมความสามารถในการตัดสินใจของกลุ่ม มี 3 ชนิด คือ
1.ระบบคอมพิวเตอร์ตัวเดียว
2.ระบบตอบสนองด้วยแผงป้อนพิเศษ
3.ระบบสถานีงานเต็มรูปแบบ ได้แก่ ระบบที่คล้ายกันระบบที่สอง
2.ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง
คือเทคโนโลยีที่สร้างมาช่วยการทำงานของผู้บริหารระดับสูง มีเครื่องมือ
เช่น กราฟฟิคแบบสี จอแบบสัมผัสได้ การสั่งผ่านเสียง และการประสานแบบภาษาธรรมชาติ
จุดประสงค์หลักของ EIS คือ
การกระจายและนำเสนอสารสนเทศมากกว่าการวิเคราะห์ข้อมูล เหมือนแบบ DSS
ความต้องการสารสนเทศมีปัจจัยดังต่อไปนี้
1.ปัจจัยภายนอก
2.ปัจจัยภายใน
มีความสามารถที่สำคัญในการทำงาน พอสรุปได้ดังนี้ คือ
1.Drill-Doven Menu เป็นเครื่องมือ
ที่ช่วยผู้บริหารหาสาเหตุหรือที่มาของสารสนเทศที่ได้รับ
โดยสามารถเข้าไปสืบค้นและนำข้อมูลออกมาใช้ได้ในระดับที่ต้องการ
2.Ad Hoc Analysis ให้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล
เช่น เดียวกับระบบ DSS โดยสามารถนำเสนอผลลัพธ์เป็นกราฟที่เข้าใจง่าย
3. Trend Analysis เป็นเครื่องมือ
พยากรณ์วิเคราะห์แนวโน้มของสิ่งต่างๆ โดยใช้ข้อมูลภายในและภายนอก
4. Exception
Reporting ให้เครื่องมือในการออกรายงานของข้อมูลที่มีความผิดปกติ
เช่นเดียวกับ MRS
5. Intelligent EIS ระบบอัจฉริยะที่มีการเตือนผู้บริหารหากพบความผิดปกติจากการดำเนินงานในองค์กร
โดยทำให้เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อให้ผู้บริหารทำงานได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
6. Intelligent with DSS เป็นการรวมกับระบบ DSS ในการทำงาน
โดยระบบ EIS จะทำหน้าที่เตือนผู้บริหารเมื่อเกิดปัญหา ส่วนข้อมูลใน DSS ช่วยในการวิเคราะห์หาทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
