วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อุปกรณืพื้นฐานคอมพิวเตอร์


1.โปรเซสเซอร์ (Processor )

หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือ CPU (ซีพียู) หรือ โปรเซสเซอร์ (Processor)
 เป็นองค์ประกอบ
ที่สำคัญส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภทในโลก เปรียบเสมือนกับเป็นมันสมองให้กับ
คอมพิวเตอร์นั่นเอง 
ประกอบไปด้วยวงจรทางไฟฟ้ามากมาย ที่อยู่บนแผ่นซิลิกอนซิป  ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ๆ
Processor อยู่ส่วนไหนของคอมพิวเตอร์
มีแผงวงจรที่เต็มไปด้วยลายวงจร เรียกว่า เมนบอร์ด CPU จะวางอยู่บนเมนบอร์ด ตรงที่มีพัดลม
และแผ่นโลหะระบายความร้อน 
เรียกว่า ฮีตซิงค์ (Heatsink) วางทับอยู่ ส่วนนั้นคือ CPU ภายในจะบรรจุด้วยวงจรทรานซิสเตอร์ 
ซึ่งมีขนาดเล็กเป็นล้านตัว 
ภายใต้ตัว CPU จะมีเหล็กแหลม ๆ คล้ายกับเข็มเป็นจำนวนมากส่วนนี้เรียกว่า ขาของ CPU 
ส่งสัญญาณเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
2.RAM 
(แรม) ย่อมาจาก Random Access Memory
RAM คือหน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ มีความสำคัญมากต่อประสิทธิภาพการทำงานและ
ความเร็วในการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลและชุดคำสั่งของโปรแกรมต่างๆ
เพื่อส่งไปให้ CPU (Central Processing Unit) ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ให้ประมวล
ผลข้อมูลตามต้องการ ก่อนจะแสดงผลการประมวลที่ได้ออกมาทางหน้าจอแสดงผล (Monitor) นั่นเอง
RAM จะทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ ทั้งในแบบของ
Input และ Output โดยการเข้าถึงข้อมูลของ RAM นั้น จะเป็นการเข้าถึงแบบสุ่ม หรือ
Random Access ซึ่งหมายถึงโปรเซสเซอร์สามารถเข้าถึงทุกๆส่วนของหน่วยความจำหรือพื้น
ที่เก็บข้อมูลได้โดยตรง เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและการรับ-ส่งข้อมูล

3.เมนบอร์ด (Mainboard) 
คือ ศุนย์กลางของการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีชิปเซตที่ำทำหน้าที่รับ/ส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ 
อีกขั้นหนึ่ง เมนบร์ด (Mainboard)นิยมใช้มาตรฐานการออกแบบ ATX (Advance Technology Extension) 
ปรับปรุงจากระบบเก่าที่เป็นแบบ Body AT โดยแบบใหม่จะมีการปรับปรุงบริเวณ ซีพียู(CPU)โดยจะย้ายไปไกลพัดลมของ
แหล่งจ่ายไฟ(Power Supply) ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

และล่าสุดนี้มีการพัฒนาแบบ BTX (Balance Technology Extension) ได้นำพัดลมมาไว้ด้านหน้าเึคสเพื่อนำลมเย็นเข้า

ไปภายในระบบและนำซีพียู(CPU)มาไว้ด้านหน้าเครื่องเพื่อรับสมเย็นโดยตรง ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใ้ช้พัดลมที่มี
ความเร็วรอบสูงและเสียงดัง ปัจจุบันเมนบอร์แบบ BTX ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เกือบทั้งหมดไม่
ว่าจะเป็น เคส ฮัตซิงค์ เป็นต้น




ปะเภทของระบบสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ


1.ระบบสนับสนุนการทำงานเป็นกลุ่ม

GDSS คือ ทำหน้าที่ในการช่วยการตัดสินใจแบบที่ไม่มีโครงสร้างของกลุ่มที่มีสมาชิกที่ต้องทำการตัดสินใจร่วมกัน ส่วนของกรุ๊ปแวร์ นั้นจะอยู่ในเรื่องของระบบสำนักงานอัตโนมัติ(OAS)
กลุ่มงานและการทำงานของกลุ่ม
                หมายถึง คนมากกว่า 2 คน เพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่าง
หนึ่ง เช่น ทำงานอยู่คนละประเทศที่มีเวลาที่ต่างกัน

การทำงานของกลุ่มมี 3 แบบ
1. วิธีทั่วไป  ได้แก่ การทำงานของกลุ่มต่าง ๆ คือ มีการประชุมปรึกษากันและร่วมกันตัดสินใจ
2. วิธีแบบ Nominal Group Technique หรือ NGT เป็นการติดต่อสื่อสารภายในกลุ่ม
3. วิธีแบบ Dephi   เป็นการใช้ความสามารถของกลุ่มที่ผู้เชี่ยวชาญ           
ระบบช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่ม
คือ  ระบบสารสนเทศที่ช่วยเสริมความสามารถในการตัดสินใจของกลุ่ม มี 3 ชนิด คือ
1.ระบบคอมพิวเตอร์ตัวเดียว
2.ระบบตอบสนองด้วยแผงป้อนพิเศษ
3.ระบบสถานีงานเต็มรูปแบบ ได้แก่ ระบบที่คล้ายกันระบบที่สอง

2.ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง

คือเทคโนโลยีที่สร้างมาช่วยการทำงานของผู้บริหารระดับสูง มีเครื่องมือ เช่น กราฟฟิคแบบสี จอแบบสัมผัสได้ การสั่งผ่านเสียง และการประสานแบบภาษาธรรมชาติ
จุดประสงค์หลักของ EIS คือ การกระจายและนำเสนอสารสนเทศมากกว่าการวิเคราะห์ข้อมูล เหมือนแบบ DSS

ความต้องการสารสนเทศมีปัจจัยดังต่อไปนี้
1.ปัจจัยภายนอก
2.ปัจจัยภายใน

มีความสามารถที่สำคัญในการทำงาน พอสรุปได้ดังนี้ คือ
1.Drill-Doven Menu   เป็นเครื่องมือ ที่ช่วยผู้บริหารหาสาเหตุหรือที่มาของสารสนเทศที่ได้รับ โดยสามารถเข้าไปสืบค้นและนำข้อมูลออกมาใช้ได้ในระดับที่ต้องการ
2.Ad Hoc Analysis  ให้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น เดียวกับระบบ DSS โดยสามารถนำเสนอผลลัพธ์เป็นกราฟที่เข้าใจง่าย
3.  Trend Analysis   เป็นเครื่องมือ พยากรณ์วิเคราะห์แนวโน้มของสิ่งต่างๆ โดยใช้ข้อมูลภายในและภายนอก
4.  Exception Reporting  ให้เครื่องมือในการออกรายงานของข้อมูลที่มีความผิดปกติ เช่นเดียวกับ MRS
5. Intelligent EIS  ระบบอัจฉริยะที่มีการเตือนผู้บริหารหากพบความผิดปกติจากการดำเนินงานในองค์กร โดยทำให้เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อให้ผู้บริหารทำงานได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น          
6. Intelligent with DSS  เป็นการรวมกับระบบ DSS ในการทำงาน โดยระบบ EIS จะทำหน้าที่เตือนผู้บริหารเมื่อเกิดปัญหา ส่วนข้อมูลใน DSS ช่วยในการวิเคราะห์หาทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา